AI ที่ปลอดภัยและพร้อมใช้งานในระดับองค์กร

แม้ว่าเครื่องมือ Generative AI จะช่วยให้พนักงานสร้างสรรค์และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม แต่การเลือกโซลูชันที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของ AI ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้ องค์กรควรมีนโยบายที่ชัดเจน รวมถึงการจำกัดการใช้งานเครื่องมือ AI "เงา" ในวงกว้าง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหล

การใช้ผู้ช่วย Generative AI ที่ผสานรวมเข้ากับระบบ ซึ่งเคารพการควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้และมีการตั้งค่าการจัดการที่ละเอียด จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบช่วยปกป้องข้อมูลและลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลได้ Google Workspace พร้อม Gemini มีชุดการป้องกันภัยคุกคาม การคุ้มครองข้อมูล และการควบคุมการปฏิบัติตามข้อกำหนดในตัวที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์จาก Generative AI ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรักษาความปลอดภัย

เมื่อใช้ Workspace ระบบจะจัดเก็บไฟล์อย่างปลอดภัยและสร้างเวอร์ชันโดยอัตโนมัติในที่เดียว นั่นคือ Google ไดรฟ์ ซึ่งช่วยให้ทีมไอทีปกป้องข้อมูลธุรกิจได้ง่ายขึ้น และ Gemini สามารถอ้างอิงเอกสารเวอร์ชันเดียวตามสิทธิ์ของผู้ใช้ที่กำหนดไว้ Gemini จะดึงได้เฉพาะข้อมูลที่ผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าถึง ซึ่งช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการจัดการสิทธิ์เข้าถึง และลดต้นทุนสำหรับเครื่องมือแยกต่างหากที่เข้าถึงแหล่งข้อมูลเหล่านี้ได้

ความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัย เช่น การแยกประเภทโดย AI สามารถช่วยระบุ จัดการ และปกป้องข้อมูลในวงกว้างโดยใช้ป้ายกำกับและกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหล (DLP) โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ การจำกัดเนื้อหา เช่น การจัดการสิทธิ์ในข้อมูล (ปิดใช้การดาวน์โหลด การคัดลอก หรือการพิมพ์) และการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ ยังช่วยให้ผู้ดูแลระบบจำกัดสิทธิ์ของ Gemini ในการเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ด้วย ดูรายละเอียดการควบคุมความปลอดภัยข้อมูลที่มีให้ใช้งานได้ที่นี่

Gemini ในแอป Workspace ให้การควบคุมข้อมูลลูกค้าอย่างมีอำนาจและเป็นอิสระ โดยใช้ความสามารถของ Google Cloud Data Boundary เป็นรากฐาน ลูกค้าสามารถจำกัดการประมวลผลข้อมูล Gemini ใน Workspace ให้อยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือสหภาพยุโรปได้ ลูกค้ายังสามารถจัดเก็บสำเนาข้อมูล Gemini ในแอป Workspace แยกไว้ต่างหากได้ในประเทศใดก็ได้ที่ตนเลือก โดยใช้ที่เก็บข้อมูลในพื้นที่ เพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่ยั่งยืนในโลกดิจิทัล

นอกจากนี้ ในส่วนของข้อมูลที่สำคัญที่สุด ลูกค้ายังสามารถใช้การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ ซึ่งเป็นการควบคุมทางเทคนิคที่ไม่เหมือนใครซึ่งให้การเข้ารหัสจากต้นทางถึงปลายทาง และให้ลูกค้า Workspace เป็นผู้ควบคุมคีย์เข้ารหัสแต่เพียงผู้เดียวเพื่อช่วยป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตทั้งหมด แม้แต่โดย Google, Gemini และผู้ช่วย Generative AI อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Google จะไม่ใช้ข้อมูล Workspace ของลูกค้าเพื่อฝึกหรือปรับปรุง Generative AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่เป็นรากฐานในการขับเคลื่อน Gemini, Search และระบบอื่นๆ ภายนอก Workspace โดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้ เรายังได้แชร์ข้อมูลนี้ไว้ในบล็อกโพสต์เกี่ยวกับวิธีที่ Google ปกป้องข้อมูล Workspace และคงความมุ่งมั่นในการรักษาความเป็นส่วนตัวเหล่านี้ในยุคของ Generative AI

Google ได้ใช้แนวทางด้านการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น โดยนำมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาสำหรับแต่ละขั้นของวงจรพรอมต์มาใช้ เราเพิ่มความยาก ค่าใช้จ่าย และความซับซ้อนที่ผู้โจมตีต้องเผชิญอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่การปิดช่องโหว่ของโมเดล Gemini 2.5 ไปจนถึงการใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับคำสั่งที่เป็นอันตราย ตลอดจนมาตรการป้องกันในระดับระบบ แนวทางนี้จะบีบให้ผู้ไม่ประสงค์ดีต้องหันไปใช้วิธีที่ตรวจจับได้ง่ายขึ้น หรือต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น

เราได้ฝึกฝนโมเดลด้วยข้อมูลจำลองการโจมตี ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการโจมตีแบบแบบแทรกพรอมต์โดยอ้อมในโมเดล Gemini 2.5 ได้อย่างมาก ความสามารถในการปรับตัวของโมเดลนี้ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยการป้องกันเพิ่มเติมที่เราสร้างขึ้นโดยตรงใน Gemini ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการป้องกันเพิ่มเติมเหล่านี้

Google Workspace พร้อม Gemini พร้อมใช้งานในระดับองค์กร และมาพร้อมการควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้และการรักษาความปลอดภัยข้อมูลแบบละเอียด ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบติดตั้งใช้งานเครื่องมือ AI ได้อย่างปลอดภัย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหลักเกณฑ์การนำ AI ไปใช้แบบทีละขั้นตอน และเอกสารประกอบของเรา รวมถึงดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในฮับด้านความเป็นส่วนตัวของ Generative AI ใน Google Workspace และเริ่มต้นใช้งานด้วยช่วงทดลองใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย